วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

Gear Girls 1 เมล็ดแห่งชีวิต

เมืองใต้ดิน LR01 อาร์โนล บริเวณที่เคยเป็นมลรัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา


  วันนี้ก็เริ่มต้นเหมือนทุกๆวัน ฉันตื่นนอนทำความสะอาดแขนกลแต่งตัว ออกไปทำงานด้านนอก...ทำงานด้านนอกมันดูเป็นงานหนักสาหัสสำหรับเด็กผู้หญิงอย่างฉัน กับงานเก็บซากเก่าคร่ำครึที่บางทีก็เกือบร้อยปีพวกนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ตอนนี้บ้านของฉันตอนนี้มีแค่ปู่กับฉัน แถมปู่ก็เริ่มจะเดินเหินได้ไม่สะดวก เลยได้แต่อยู่ซ่อมของโบราณพวกนั้นอยู่กับร้าน  ถึงเมืองของฉันจะค่อนข้างยากลำบากก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ได้มีอาหารกินมีน้ำใช้ ไม่เหมือนพวกโจรด้านนอกที่แย่งชิงชาวบ้านเพื่ออยู่รอด  ต้องขอบคุณผลงานของทวดฉัน ที่สร้างของพวกนี้ไว้ตั้งแต่ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นแบบนี้ แล้วก็ต้องขอบคุณอีกทีสำหรับพวกข้างบน ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าคนจะไปอยู่บนฟ้าหม่นๆมีแต่เมฆน่าเกลียดๆสีส้มๆนี่ได้หรอกนะ แต่เห็นขยะอัดเม็ดของพวกนั้นหล่นลงมาต่อหน้าต่อตาจากฟ้าช่วงนี้เลยต้องเชื่อน่ะสิ ใช่...ขยะแน่นอนมีแต่ของพังๆกับอะไรต่อมิอะไรยัดเต็มแคปซูลโทรมๆพวกนั่น ถึงเหลืออันที่ตกมาถึงพื้นแบบไม่ระเบิดเป็นชิ้นๆกลาวอากาศไม่กี่อันก็เถอะ ดูๆไปแล้วมันต้องเป็นของคนแน่นอนตัวหนังสือที่เขียนอยู่มันฟ้อง สงสัยเจ้าพวกโน้นมันนึกกันว่าบนนี้ไม่มีคนรอดแล้วมั้งถึงกล้าทิ้งกันโครมๆแบบนี้ ไม่ใช่อะไรหรอกถ้าไอ้แคปซูลบ้าพวกนั้นมันไม่หล่นทับพ่อแม่ฉันตายแถมเอาแขนซ้ายฉันแถมไปด้วย โชคยังดีที่มีซากหุ่นยนต์เก่าอยู่ในขยะพวกนั้น แถมปู่ยังพอซ่อมได้แต่ก็ล่อไปนานน่าดู มันดูซับซ้อนกว่าของห้าสิบปีที่แล้วที่ปู่คุ้นชินน่าดู แถมของแบบนี้มีเยอะด้วยสิ ช่วงนี้ปู่เลยหมกตัวลองผิดลองถูกกับของพวกนี้อยู่ เอาหละงานวันนี้หวังว่าคงเจออะไรเจ๋งๆ ไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีหล่นมาชุดใหญ่ ทีจริงฉันไม่จำเป็นต้องไปเก็บเองสักนิด ยังไงแถวนี้ใครเก็บอะไรได้มาก็ต้องเอามาให้ฉันกับปู่กับช่างอีกไม่กี่คนที่รู้จักของพวกนั้นซ่อมอยู่ดี แต่คนมันอยากรู้น่ะ แต่หวังว่าเปิดแคปซูลมาคงไม่เจอขยะสดอัดมาเต็มแบบเมื่อวานซืนนะ




  ฉันเดินไปตามถนนที่เรียงรายไปด้วยตึกเก่าๆโทรมๆพอๆกับเมืองใต้ดินที่สว่างด้วยแสงที่ส่องผ่านกระจกบานยักษ์บนเพดาน  ที่วันนี้มีทรายถูกพัดมาเกาะจนแสงส่องมาถึงเป็นหย่อมๆ ผ่านของมากมายที่ครอบครัวของฉันและเพื่อนๆตระกูลช่างซ่อมทั้งซ่อมและสร้างจากของที่เก็บได้ ตั้งแต่ของเล่นยันรถยนต์ น่าเสียดายพวกเราก็ได้แต่ซ่อมกับสร้างแบบพื้นๆเท่านั้นแหละ ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์กับวัสดุที่จะเอามาสร้างอะไรซับซ้อนแบบนั้นได้อีก ถึงรู้ว่ามันทำงานยังไงโครงสร้างยังไงจากกองหนังสือของทวดที่เก็บไว้ในห้องสมุดก็เถอะ สำหรับยุคแบบนี้พวกเราก็ได้แต่ฝันว่าสักวันหนึ่งจะสร้างของพวกนี้ได้อีกครั้ง แต่เรื่องแบบนั้นมันก็ยิ่งกว่าลมๆแล้งๆซะอีกนะ ถ้าสภาพต่างๆยังมาขัดขวางพวกเราขนาดนี้ ระหว่างทางฉันทักทายคนมากมายที่ได้ของที่พวกฉันซ่อม และคนมากมายทีทำให้เมืองนี้อยู่ได้ ในที่สุดฉันก็เดินมาถึงประตูสู่นรกภายนอก ที่หน้าประตูนั้นมีชายคนหนึ่งรออยู่
“อ้าวหวัดดีเกียร์ ตรงตามเวลาดีนี่” อาเดลชายหนุ่มผู้เป็นผู้นำนักเก็บซากของเมืองแห่งนี้พูดพลางควงนาฬิกาพกเรือนน้อยที่เป็นของชิ้นแรกที่เขาเคยเก็บได้
“แล้วคนอื่นๆล่ะ”ฉันถามไป
“อ่า...วันนี้คนที่จะไปด้วยก็มีคราฟท์ โจนาห์กับมีน่าอีก3คนน่ะ” อาเดลคิดอยู่พักนึงก่อนที่จะตอบออกมา
ฉันคงต้องรอนานน่าดูกว่าจะมากันครบ แต่ก็ช่วยไม่ได้มีไม่กี่คนที่มีนาฬิกาในเมืองนี้ยิ่งแบบพกพายิ่งไปกันใหญ่ ถึงเจอของเก่าเยอะก็เถอะแต่อะไหล่ก็ไม่มีพอซ่อมหมดอยู่ดี แถมเราไม่มีปัญญาไปผลิตใหม่อีกด้วยซ้ำยิ่งกับของเล็กๆแบบนั้น ระหว่างรอฉันก็เลยคุยกับอาเดลฆ่าเวลา
“ตอนนี้ปู่เธอเป็นยังไงบ้างล่ะ” อาเดลถามเปิดก่อน
“เหมือนเดิม ยังยุ่งกับของงวดก่อนๆ แถมสั่งให้ขนของคราวนี้กลับมาใด้มากที่สุดอีก” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“อายุก็ปาเข้าไป60กว่าจะ70แล้วยังทำงานหนักแบบนี้ น่าเป็นห่วงสุขภาพจังเลยน้า เสียดายเป็นคนเก่งสุดในเมืองแล้ว”อาเดลพูดพลางมองนาฬิกาที่ปู่ซ่อมให้เป็นของขวัญแต่งงาน
“ถ้าไม่ได้ท่านไว้ป่านนี้ชั้นคงยังพกนาฬิกาตายอยู่อีกแน่” เขาพูดต่อ
“ฉันเข้าใจ…” ฉันตอบไปอย่างเข้าใจความรู้สึก
“พวกเธอสองคน! อย่าพูดเรื่องแบบนั้นกันแต่เช้าสิ! มันลางไม่ดีรู้มั้ย!” เด็กสาวโผล่จากไหนก็ไม่รู้ เธอมีสีผิวไม่ค่อยเหมือนคนแถวนี้ ผิวของเธอดูเข้มกว่าคนอื่นๆ มีน่าไม่ใช่คนที่นี่ตั้งแต่ต้น เธอมาจากเมืองที่ห่างไกลออกไปมาก เมืองของเธออยู่ใกล้ชายฝั่งทะเล ตามที่ฉันเคยได้ยินจากเธอน่ะนะ ที่จริงฉันไม่เคยเห็นทะเลของจริงนอกจากในรูปเก่าๆ แต่ถ้าพูดถึงทะเลทรายล่ะอยู่ด้านหน้าฉันเอง ที่เธอเคยเล่ามาทะเลตอนนี้ต่างจากที่เคยอ่านพอตัวเลยละ ไม่มีอีกแล้วหาดสีขาวท้องฟ้าสีครามดวงอาทิตย์สว่างไสว อ้อจริงสิ ดวงอาทิตย์ไม่ใช่แบบ ก้อนมัวๆขาวๆ ที่โผล่จากเมฆหนาๆพวกนี้แค่บางวันหรอกนะ เธอบอกมาว่าตอนนี้มีแต่หาดสกปรกจากกองขยะที่ถูกซัดมา น้ำทะเลก็สกปรกเต็มไปด้วยอะไรต่อมิอะไรจนคนลงไปไม่ได้ถ้าไม่มีชุดป้องกัน แต่ฟังๆดูเป็นที่ๆน่าอยู่สบายกว่าที่นี่นิดหน่อย อย่างน้อยก็ไม่มีพายุทรายแทบทุกวันกับพวกโจรเป็นฝูงแบบนี้ นั่นแหละแหละที่ๆเธอจากมา พ่อของเธอเป็นพ่อค้าคาราวานที่เดินทางมาค้าขายที่นี่เมื่อราวๆ2ปีก่อนได้ พ่อของเธอป่วยหนักระหว่างทางและได้ตายลงที่นี่ เธอก็เลยต้องมาอยู่ที่นี่ไปก่อนรอคอยคาราวานที่ผ่านมาเพื่อรอกลุ่มที่ที่จะพาเธอกลับบ้านได้ (แต่ที่ผ่านมามีแต่จากที่อื่นทั้งนั้น) ส่วนโจนาห์ กับคราฟท์ 2พี่น้องที่เธอพักอยู่ด้วยตามมาทีหลัง(แต่ก็นานน่าดู)อาเดลพูดเสียงดังขึ้นมาว่า
“เอาหละ! ทุกคนมากันครบแล้ว มีน่าวันนี้ครั้งแรกของเธออย่าออกห่างชั้นให้ไกลนะ เอาหละขึ้นรถได้”


  รถจี๊บพลังไฟฟ้าเก่าๆพาพวกเราผ่านทะเลทรายไปจนถึงทุ่งเศษซากที่เพิ่งตกลงมา คราวนี้เล่นตกใกล้ซากเมืองที่ถูกเนินทรายทับ ถม มาที่นี่กีทีก็รู้สึกว่า เมืองสมัยก่อนสร้างมาใหญ่โตยิ่งกว่าอะไรที่เคยเห็นแท้ๆ แต่ดันแพ้ให้กับอะไรต่อมิอะไรซะงั้น ตอนนี้เหลือแค่ตึกร้างโผล่พ้นเนินทรายเท่านั้น แต่ที่นี่เป็นแหล่งหาของที่ดีสุดแถวนี้ ในนี้มีของดีๆเยอะแยะให้หากันไม่หมด บางทีก็ได้ตึกร้างเป็นที่พักถ้าไปหาของที่ไกลๆ


พอมาถึงพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันหาของ ตลอดช่วงเช้าแต่เจอของเล็กๆน้อยๆที่ฉันก็ไม่ค่อยรู้ว่ามันคืออะไรเต็มไปหมด กับของหน้าตาแปลกๆที่ดูไม่ออกว่าไว้ทำอะไร อีกแล้วก็ขยะอีกเล็กน้อย แต่ของพวกนี้ก็ยังไม่ใช่ของที่ฉันหาถึงหามาได้เยอะก็เถอะ ฉันคิดว่าในเมื่อมันตกมาเยอะขนาดนี้มันก็น่ามีของที่ยังใช้ได้อยู่บ้างสิจะได้ไม่ต้องไปงมวิธีใช้กันอย่างนั้น ของที่ไม่รู้ว่าทำอะไรได้มันจะมีประโยชน์อะไร จริงมั้ย? ว่าแล้วฉันก็ต้องไปให้ไกลกว่านี้


   เผลอตอนไหนก็ไม่รู้ฉันออกมาไกลจากคนอื่นๆ เสียแล้วนี้ นี่ฉันกำลังหลงอยู่ในกองขยะพิลึกๆพรรค์นี้ใช่มั้ย!? อย่างน้อยก็หาอะไรสักอย่างก่อนค่อยหาทางกลับไปรวมแล้วกัน ทันใดนั้นฉันเห็นอะไรบางอย่างโผล่ออกจากทรายที่ถูกพายุทรายเมื่อวานพัดมา แขน! ฉันตกใจมากจนกรี๊ดออกมาดังลั่น แต่ยังดีที่ยังต้องสติแล้วมองอีกทีก็เห็นว่ามันเป็นแค่แขนหุ่นยนต์อันหนึ่งที่โผล่พ้นดินมา ฉันก้มลงดูใกล้ๆ มันดูยังใหม่ แถมที่สำคัญมันเป็นข้างซ้ายด้วยสิ “ได้ฤกษ์เปลี่ยนอันใหม่แล้วสิ” ถึงสีชมพูขาวมันไม่ใช่สไตล์ฉันเท่าไหร่ก็เถอะ แต่มันดูดีกว่าอันโทรมๆบุบๆเบี้ยวๆที่แขนฉันตอนนี้สักล้านปีได้มั้ง สีเงาวับเชียวหละถึงมีเศษดินเศษทรายเกาะอยู่ก็เถอะ ฉันเริ่มขุดลงไป ยังดีที่ดินทรายเกาะแค่หลวมๆเลยยังขุดง่าย แต่ไปๆมาๆฉันก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง มันไม่ใช่แค่แขนน่ะสิ! ส่วนต่างๆเริ่มปรากฎออกมา ทั้งแขนใหล่ลำตัวหัวแขนอีกข้างและขาทั้งคู่ บอกตามตรงเลยนะฉันไม่เคยเห็นหุ่นแอนดรอยด์ที่สมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน แต่ก็น่าพังแล้วมั้ง ไม่ขยับเลยสักนิดปุ่มเปิดก็ไม่มี รูปร่างมันเหมือนกับเด็กสาวอายุสัก15-16ได้มั้ง ดูๆไปเธอดูราวกับตุ๊กตาเลยล่ะ แถมมีทวินเทล(?)เป็นแผ่นเบ้อเริ่มแปะอยู่บนหัวอีก
ฉันมองดูทั่วตัวไล่จากหัวลงมาลงไปจนสะดุดที่กระโปรงข้างซ้าย มันมีอะไรบางอย่างเขียนอยู่ “อ่านยากชะมัด…อะไรนะ...ออโรร่า ชื่อของเจ้านี่สินะ” ฉันนึกขึ้นได้นี่มันไม่ใช่เวลามาชื่นชมแล้วนะ ฉันต้องขนมันกลับบ้านเล้วแยก….
“เกียร์!!!” อาเดลร้องดังลั่นทำฉันตกใจหมด แต่ก็ดีแล้วฉันกำลังคิดไม่ออกว่าจะกลับยังไงแถมที่สำคัญ
"เป็นอะไรมั้ย!!??"
“อาเดล! ฉันเจอของน่าสนใจแล้วสิ! ช่วยมาขนกลับหน่อย! ซ่อนๆหน่อยนะ!”




  “อา...ไหนดูหน่อยสิ”ชายชราเข้ามาพินิจหุ่นตัวนั้นอย่างสนอกสนใจ
“อืม...ไม่เหมือนของคราวก่อนๆเลยนะนี่ เจ้านี่มัน!”ชายชราพูดพึมพำ
“ปู่คะสรุปว่ายังไงคะ”ฉันถามด้วยความสงสัย
“หลานเอ๋ย! เราเจอสมบัติแล้ว!!!” ปู่ตอบด้วยน้ำเสียงดีใจ
“หมายความว่ายังไงหรือคะ”ฉันสงสัยกว่าเดิม
“ปู่จำได้ตอนนั้นปู่ยังเด็กกว่าหลาน ก่อนที่อุกกาบาตเวรนั่นจะมาถึงนะ ตอนนั้นวุ่นวายกันใหญ่ทั้งโลก เถียงกันหมดทุกที่ บางพวกจะขึ้นไประเบิดมันทิ้ง แล้วพวกที่บอกว่าจะหนีจากโลก ก็ไอ้2วิธีที่ทำแล้วมันกลายเป็นแบบนี้ไง เรื่องนี้เลยไม่เด่นเท่าไหร่นักนะ ดูตรานี่สิ"
เขาชี้ไปที่ลายที่ท้ายทอย
"อันนี้มันเป็นตราของบริษัทหุ่นยนต์ในตอนนั้น อันเดียวกับพวกที่ไประเบิดอุกกาบาตยังไงล่ะ จำได้ว่าก่อนหน้านั้นเคยพัฒนาหุ่นแบบนี้อยู่ ได้ยินมันเหนือกว่าหุ่นที่ฉลาดกว่าที่เคยสร้างกันมา ฉลาดจนเหมือนคนเลยยังไงล่ะ แต่นี่มาแบบสมบูรณ์ แบบ รู้มั้ยหมายความว่ายังไง" ปู่ถามมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นที่สุดที่เคยได้ยินมาเลยละ
“ยังไงรึคะ” ฉันก็ถามกลับตามระเบียบ
“พวกเขายังเชื่อว่าพวกเรายังไม่ตายยังไงล่ะ! นี่ต้องถูกส่งมาตามหาพวกเราแน่ๆ! ถ้าซ่อมมันได้แล้วติดต่อกลับได้ พวกเราได้ออกจากที่นี่ได้แน่ๆ!” ปู่ยิ้มร่าด้วยความหวัง
“ปู่คะ ส่งมาช่วยทำไมต้องส่งปนมากับขยะด้วยล่ะ!?” ฉันถามด้วยความข้องใจเป็นอย่างสูง
“อืมนั่นสิ ก็ไม่รู้” สีหน้าปู่เรื่อมเจือนลง
“ถ้าอยากช่วยจริงๆ เขาคงไม่ทำแบบนี้หรอกคงมาตรงๆเลยมากกว่า ขนาดขึ้นไปอยู่บนโน้นได้ แค่นี้ง่ายๆอยู่แล้ว” ฉันต่ออีก
“...จริงของหลาน” เสียงกับรอยยิ้มของปู่หายไปซะแล้ว


  เย็นนั้นทั้งเย็นพวกเราพยายามสุดฝีมือในการแยกชิ้นส่วนมันออกมาแต่ก็ไม่ได้ผลอะไร ทั้งตัวไม่มีน็อตแม้แต่ตัวเดียว ที่ๆดูน่าเปิดได้ก็ปิดสนิท ลองเครื่องมือทุกอย่างที่มีปลุกช่างหนุ่มๆใกล้ๆมาช่วยอย่างไม่สนใจชาวบ้านแตกตื่นก็ไม่เกิดอะไรขึ้น ทั้งเอามือแงะไขควงชะแลงคีมตัดเหล็ก ยันเลื่อยสว่านเลื่อยไฟฟ้าเครื่องเจียร(อันหลังๆตอนพวกช่างแถวบ้านจะใช้ปู่โวยวายใหญ่"ไอ้พวกเด็กเวร! หุ่นตัวนี้มีค่ามากกว่าชีวิตพวกแกยกแผงรวมกันอีกโว๊ย!") ทุกอย่างที่ลองไปทำได้มากสุดแค่รอยถลอกเล็กๆที่หายไปอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอปู่เห็นอย่างนี้ปู่ดีใจดังลั่น “นี่ไง! ดูสิ!มันยังไม่เสียจริงด้วย!” แต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้นอีกเลย จนพวกที่เรียกมาเหนื่อยแล้วขอลากลับไป(ไม่น่าใช่หรอก น่ารำคาญปู่บ่นมากกว่า) ฉันกับปู่ก็พยายามกันต่อไปแค่สองคน
   ตอนนี้ถึงตีสามแล้ว “โอย...พอก่อนล่ะปู่ไปนอนก่อน” ปู่เพลียถึงที่สุดแล้ว อ้าวไหนเป็นคนตื่นเต้นสุดไม่ใช่เรอะ ไปๆมาๆฉันต้องงมอยู่คนเดียวซะงั้น ฉันเริ่มดูอย่างละเอียดอีกรอบ “แปลกแฮะโดนไปขนาดนั้นยังแค่ถลอกนิดเดียว แถมยังซ่อมตัวเองได้กระทั่งสี แต่มันไม่ขยับอยู่นี่นา คิดดูมันก็แปลกวัสดุดูเหมือนเป็นโลหะแต่ก็เบาหวิวจนอาเดลแบกมาคนเดียวสะบายๆ เจ้านี่มันยังไงกันนะ”ฉันคิดในใจ แล้วเห็นอะไรบางอย่างที่กระโปรงหลัง เครื่องหมายบวกลบตัวเล็กๆคู่กัน ที่วงกลม2วงซ้อนกันคู่หนึ่ง “นี่มันรูปลั๊กนี่นา นี่พลาดไปได้ยังไง แต่มันหัวปลั๊กแบบไหนกันเนี่ยไม่เคยเห็น” แต่ไม่มีปลั๊กไม่เป็นอะไรนี่นา ฉันเป็นช่างซะอย่าง ฉันเดินไปสวมถุงมือ เอาแบตเตอรี่กับหัวต่อมา “เอาละลองจั๊มสตาร์ทน่าจะติด”  ฉันเอาหัวต่อจิ้มไปที่วงกลมตามที่สัญลักษณ์คู่นั้นชี้บอกไว้ แล้วทั้นใดนั้น
ตู๊ม!!!
อะไรกันระเบิดงั้นรึ!? ไหนเมื่อกี้พยามแทบตายไม่เป็นอะไรเลย!? ไม่สิ!? มันหายไปไหน!? เบื้องหน้าของฉันมีแต่โครงของเก้าอี้นอนเก่าๆที่ถูกจับตั้งเกือบตั้งฉากกับพื้นที่หุ่นตัวนั้นเคยพิงอยู่
ว่าแต่ทำไมมันสว่างแปลกๆ? ฉันเงยหน้าขึ้นไปพบว่าหลังคาโกดังมันหายไปแทบยกแถบ
วี้...วี้….วี้…...เสียงบางอย่างมาจากด้านหลังของฉัน
ฉันหันหลังกลับไปแล้วฉันตกใจที่สุดที่เคยเจอมาในชีวิตนี้ ใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดที่ส่องผ่านกระจกเบื้องหลังนั้นมีร่างๆหนึ่งลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
[ที่นี่...ที่ไหน]
ร่างนั้นพูดขึ้นด้วยเสียงของเด็กสาว ตาของเธอเปล่งแสงสีฟ้าอ่อนออกมา เธอเริ่มมองไปตามตัวของเธอทั้งๆที่ลอยอยู่อย่างนั้น แสงจากตาส่องให้เห็นร่างสีขาวตัดกับชมพู ท่าทางของเธอดูตกใจกับตัวเธอที่เห็น
[แล้วชั้นเป็นอะไรไป…]
สิ้นเสียงอันสั่นเครือนั้นร่างนั้นก็หล่นลงมาสู่โกดังที่ไร้หลังคาของฉัน



Gear Girls Prologue

วันหนึ่ง...องค์เป็นเจ้าทรงเริ่มงาน
วันสอง…เดรัจฉานแลมนุษย์สูญสลาย
วันสาม…วิหกแลมัจฉาล้วนวางวาย
วันสี่…ตะวันแลจันทราด้วยดาราดับวูบไป
วันห้า…ธรณีจมลงด้วยบาดาล
วันหก…สมุทรนภาหายไปด้วยไฟกาฬ
วันเจ็ด...โลการ้างปราศด้วยประทีปใด


   โลก...หมุนไปสู่สุดสูงลุดและต่ำสุดนับครั้งไม่ถ้วน 56ปีก่อน โลกได้ลงสู่สุดต่ำสุดที่สุดที่เคยมีมา ทุกหนแห่งล้วนถูกเผาผลาญด้วยเพลิงนรก มีเพียง2พวกเท่านั้นที่เหลือรอด พวกแรก...เหล่าผู้หนีออกจากนรกแห่งนี้ เหนือหมอกควันแห่งความตาย ที่ไร้ซึ่งสิ่งใดนอกจากอ้อมกอดของผืนดาว บนสวรรค์ไร้ซึ่งความหวังและความสิ้นหวัง และอีกพวก...เหล่าผู้ดิ้นรนเหนือนรกแห่งนี้ ไร้สิ่งใดนอกจากเศษซาก ในนรกที่อยู่ระว่างความหวังและความสิ้นหวัง แม้สรรพสิ่งเริ่มฟื้นฟูแต่ก็โดยเชื่องช้า จนกระทั่งเหล่าเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตได้หล่นลงมา...